มันอาจจะเป็นข้อความที่ยาวหน่อยนะครับ แต่หากได้อ่านบ้างก็จะเป็นประโยชน์มากครับ พี่คัดมาสรุปและเรียบเรียงโดยย่อดังนี้

ถึง เรื่องความสามัคคีและปรองดองกัน โดยตอนหนึ่งทรงกล่าวว่า……

ถ้าร่วมกันทำมันก้าวหน้าได้ แต่ถ้าไม่ร่วมกันทำไม่มีทาง ก้าวหน้า และข้อสำคัญเรามานึกถึงคำว่า ทัศนะของแต่ละคน ความคิดของแต่ละคน ก็มีความคิดดีทั้งนั้น แต่ว่าทัศนะ ของอีกคนหรือความคิดหรือเกมของคนอื่นมันไม่เหมือนกัน ก็ขัดกัน ถ้าเรามีความคิดอย่างหนึ่งแล้วก็มาพูดกับอีกคนเค้า บอกไม่ถูก เค้าก็มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าไม่ถูก แต่ตอนนี้เราจะทำยังไง ถ้าหากว่ามีความคิดในงานอะไรอย่างหนึ่ง แล้วก็บอกคนหนึ่งบอกต้องทำอย่างนี้ อีกคนบอกทำอีกอย่าง ขัดกันมันจะสำเร็จได้อย่างไร มันไม่มีทางสำเร็จ

ทางที่จะทำให้งานสำเร็จไม่ใช่มีหลายทาง มันมีทางเดียว แต่ความคิดไม่ เหมือนกัน มีจัดเกณฑ์ของตัวเป็นใหญ่ อีกคนหนึ่งเค้าก็มีเกณฑ์ของเค้า ฉะนั้นจะต้องให้ปรองดองกันได้ ไอ้คำว่า ปรองดอง คำว่าสามัคคีสำคัญมาก

ทางสำเร็จมันมีอยู่ที่จะต้องละทิฐิ ต้องมาหาทางที่จะ ต้องปรองดองกันได้ แต่ว่าที่เป็นอย่างนี้ คนสองคน ความคิดไม่ เหมือนกัน มีให้เหมือนกันไม่ได้ คนแต่ละคนมีความคิดต่างกัน มีแนวชีวิตคนละอย่าง ได้เรียนรู้มาคนละอย่าง ได้มีประสบการณ์มาคนละอย่าง ต้องดูว่าแต่ละคนมีความคิดแตกต่างกัน ต้องพยายามที่จะให้ความคิดนั้น ความแตกต่างนั้นมาปรองดองกัน

พระราชดำรัส

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

5 ธันวาคม 2544

 

 

ที่มา: http://www.thairath.co.th/today/ntoday/page1/p1_2.html